ผลิตภัณฑ์
ณ ศาลาดุสิตาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ในวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2548 ความว่า
“เราทำแล้วก็หมายความว่าเราไม่เดือดร้อน ถึงเวลาเราอายุร้อยสิบแปด ถ้าอย่างไรเราก็ใช้น้ำมันปาล์มของเราเอง
คนอื่นอาจจะไม่ได้ คนอื่นอาจจะไม่มี แต่ว่าเรามี เพราะเราขวนขวาย ขวนขวายหาวิธีที่จะทำเชื้อเพลิงทดแทนได้
ถ้าไม่ได้ทำเชื้อเพลิงทดแทน เราก็เดือดร้อน แล้วก็เป็นห่วง แต่เราไม่ต้องเป็นห่วง
ถ้าคนอื่นเขาไม่ทำ เขาอาจจะไม่มีน้ำมันไบโอดีเซลใช้ แต่ว่าเรามี เราคือข้าพเจ้าทำเอง”
![](/img/products/pic-biodiesel-tab01.jpg?1505295688)
“ไบโอดีเซล” เป็นเชื้อเพลิงทดแทนเชื้อเพลิงประเภทดีเซลซึ่งผลิตจากธรรมชาติ
(พืชพลังงาน) สามารถย่อยสลายได้ตามกระบวนการชีวภาพในธรรมชาติซึ่งไม่เป็นพิษ และถือว่าเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยวิธีการนำน้ำมันจากปาล์มบริสุทธิ์ เข้าสู่กระบวนการทางเคมีที่เรียกว่าทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่น (Transesterification) โดยทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ (เมทานอลหรือเอทานอล) และมีด่างเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา จะได้ผลิตผลเป็นเอสเทอร์ (Ester) หรือที่เรียกว่า "ไบโอดีเซล" และมีผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้เป็นกลีเซอรีน (Glycerin) ซึ่งไบโอดีเซลชนิดเอสเทอร์นี้ มีลักษณะคล้ายกับน้ำมันดีเซล ทำให้สามารถใช้แทนกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงอื่นๆ
ปัจจุบันน้ำมันดีเซลที่ใช้ตามสถานีบริการมีไบโอดีเซลผสม 7% เรียกว่า B7
![](/img/products/pic-biodiesel-tab02.jpg?1505295688)
“รู้หรือไม่? ต้นปาล์มมีอายุยืนถึง 25 ปี”
บริษัทฯ ได้คัดเลือกผลผลิตจากปาล์มน้ำมัน เพื่อใช้ในการผลิตไบโอดีเซล โดยมุ่งเน้นการสร้างงาน และสร้างอาชีพให้เกษตรผู้ปลูกปาล์ม นอกจากนี้ "ปาล์มน้ำมัน" ถือเป็นพืชที่มีศักยภาพในการนำมาผลิตไบโอดีเซลที่สูงกว่าพืชน้ำมันชนิดอื่น และมีปริมาณผลผลิตสูง รวมทั้งยังเป็นพืชยืนต้น ทำให้ทนต่อผลกระทบจากธรรมชาติ เติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่มักปลูกบริเวณภาคใต้ เช่น กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร สตูลและตรัง
กระบวนการทำน้ำมันปาล์มให้บริสุทธิ์ (Pretreatment Unit)
เป็นกระบวนการเตรียมคุณภาพของน้ำมันปาล์มให้พร้อมสำหรับการผลิต Biodiesel โดยเริ่มจากการเติมกรดฟอสฟอริกเพื่อกำจัดยางเหนียวแล้วเติมแป้ง
ฟอกสีเพื่อทำการดูดซับสิ่งสกปรกที่ปะปนในน้ำมันปาล์มดิบ และแป้งฟอกสียังทำหน้าที่กรองยางเหนียวออกจากน้ำมันปาล์มก่อนที่จะทำการกลั่นน้ำมันปาล์ม
เพื่อแยกกรดไขมันออกจากน้ำมันปาล์มดิบ ทำให้ได้เป็นน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RPO) และกรดไขมันจากการกลั่นน้ำมันปาล์ม
![](/img/products/n1.png?1505295687)
การทำปฏิกิริยา Transesterification
เป็นการนำน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RPO) หรือ ไขปาล์ม (RPS) มาทำ
ปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชัน กับ Methanol โดยต้องมีการเติม
เมทานอลส่วนเกิน เพื่อให้ปฏิกิริยาเกิดเป็น Methylester มากที่สุด
โดยใช้ ด่าง เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้ได้ ไบโอดีเซล และ กลีเซอรีน
เป็นผลพลอยได้ที่ได้จากกระบวนการ
![](/img/products/n2.png?1505295687)
การทำปฏิกิริยา Esterification
เป็นการเปลี่ยนกรดไขมันที่ได้จากการกลั่น (PFAD) ให้เป็น Biodiesel
โดยการทำปฏิกิริยากับ เมทานอล โดยใช้ กรด เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
เนื่องจาก Biodiesel ที่ได้มีความบริสุทธิ์ไม่เป็นไปตามสเปคของ B100
จึงต้องมีการป้อนเข้าหน่วย Transesterification อีกครั้ง
Crude Biodiesel ที่ได้จากการผลิต ทำการล้างสิ่งปนเปื้อนที่ได้จากการผลิตด้วยน้ำ จากนั้นทำการระเหยน้ำล้าง Biodiesel ออกก่อนป้อนลงถัง
Methanol ส่วนเกินที่ดึงออกจากแต่ละหน่วยจะมาทำการกลั่นเพื่อให้ Methanol มีความบริสุทธิ์ > 99.5%
Biodiesel Production Diagram
![](/img/products/diagram.png?1505295688)
![](/img/products/pic-biodiesel-tab04.jpg?1505295688)
การใช้ไบโอดีเซลสามารถช่วยลดควันดำและมลพิษในอากาศ ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะ
เรือนกระจกโดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงสามารถแก้ปัญหาโลกร้อนได้เป็นอย่างดี
-
ลดควันดำ
-
ลดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์
(CO) -
ลดฝุ่นละออง
-
ลดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
(SO2)
การใช้ไบโอดีเซลในเครื่องยนต์ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ เนื่องจากไบโอดีเซลมีออกซิเจนผสมอยู่ประมาณ 10%
ทำให้การผสมระหว่างอากาศกับน้ำมันมีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ และเป็นการเพิ่มอัตราส่วนปริมาตรของอากาศต่อน้ำมันได้เป็นอย่างดี
-
ค่าแรงบิดเพิ่มขึ้น
-
ให้กำลังเพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซล